เข้าสู่ช่วงฤดูร้อนที่มีสภาพอากาศร้อนจัด ระบบปรับอากาศถือเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้การใช้รถเป็นไปอย่างราบรื่นและสะดวกสบาย หากว่าแอร์เกิดไม่เย็นขึ้นมาแล้วล่ะก็ รับรองว่าการเดินทางเปรียบเสมือนฝันร้ายอย่างแน่นอน บทความนี้ Sanook Auto จะพาไปรู้จัก 5 สาเหตุแอร์ไม่เย็นที่พบได้บ่อย จะได้แก้ไขปัญหาเบื้องต้นได้ทัน มีอะไรบ้าง?
น้ำยาแอร์เป็นหัวใจสำคัญของระบบปรับอากาศ หากมีปริมาณไม่เพียงพอ หรือเกิดการรั่วซึมในระบบ จะส่งผลให้ความสามารถในการทำความเย็นลดลงอย่างมาก สังเกตได้จากลมที่ออกมาจากช่องแอร์จะมีความเย็นน้อยลง หรือในบางครั้งอาจมีแต่ลมร้อนออกมา
สาเหตุของการรั่วซึมอาจเกิดจากอายุการใช้งานของท่อทางน้ำยาแอร์ที่เสื่อมสภาพ ข้อต่อหลวม หรือความเสียหายจากอุบัติเหตุ การแก้ไขคือการเติมน้ำยาแอร์ แต่หากมีการรั่วซึม ควรรีบหารอยรั่วและทำการซ่อมแซมก่อนเติม เพื่อป้องกันปัญหาเดิมกลับมา
คอมเพรสเซอร์แอร์ทำหน้าที่อัดน้ำยาแอร์และหมุนเวียนในระบบ หากคอมเพรสเซอร์ไม่ทำงาน หรือทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ ก็จะไม่สามารถสร้างแรงดันและความเย็นที่เพียงพอได้ สาเหตุของคอมเพรสเซอร์มีปัญหาอาจมาจากอายุการใช้งาน ความเสียหายจากภายใน หรือปัญหาจากระบบไฟฟ้าที่จ่ายไปยังคอมเพรสเซอร์ สังเกตได้จากลมที่ออกมาไม่เย็นเลย หรืออาจมีเสียงดังผิดปกติจากคอมเพรสเซอร์
วิธีแก้ปัญหาจำเป็นต้องนำรถเข้าอู่หรือร้านทำแอร์รถยนต์โดยเฉพาะ เพื่อทำการเปลี่ยนคอมเพรสเซอร์และอัดน้ำยากลับเข้าไป จะทำให้แอร์รถยนต์กลับมาเย็นดังเดิม ซึ่งปัจจุบันคอมเพรสเซอร์มีทั้งแบบแท้ศูนย์ และแบบเทียบที่มีราคาถูกกว่า ซึ่งประสิทธิภาพและอายุการใช้งานมักแตกต่างกัน
แผงคอยล์ร้อน (Condenser) ทำหน้าที่ระบายความร้อนของน้ำยาแอร์ที่ถูกอัดมา หากแผงคอยล์ร้อนสกปรก มีฝุ่นละออง เศษใบไม้ หรือสิ่งสกปรกต่างๆ อุดตัน จะทำให้การระบายความร้อนไม่ดี ส่งผลให้ระบบปรับอากาศทำงานหนักขึ้นและไม่สามารถทำความเย็นได้อย่างเต็มที่
การแก้ไขเบื้องต้นคือการทำความสะอาดแผงคอยล์ร้อน โดยใช้น้ำฉีดล้างเบาๆ หรือใช้แปรงขนนุ่มปัดทำความสะอาด ควรระมัดระวังไม่ให้แผงคอยล์ร้อนล้มหรือเสียหาย
พัดลมที่ติดตั้งอยู่บริเวณแผงคอยล์ร้อน มีหน้าที่ช่วยระบายความร้อน หากพัดลมไม่ทำงาน หรือทำงานช้ากว่าปกติ จะส่งผลกระทบต่อการระบายความร้อนของแผงคอยล์ร้อนโดยตรง ทำให้ประสิทธิภาพการทำความเย็นลดลง สาเหตุอาจมาจากมอเตอร์พัดลมเสีย ฟิวส์ขาด หรือปัญหาจากระบบควบคุม การตรวจสอบการทำงานของพัดลมระบายความร้อนเป็นสิ่งสำคัญ หากพบว่าไม่ทำงาน ควรรีบนำรถเข้าตรวจสอบและแก้ไขทันที
ไส้กรองอากาศแอร์ (Cabin Air Filter) ทำหน้าที่กรองฝุ่นละอองและสิ่งสกปรกต่างๆ ที่จะเข้ามาในห้องโดยสาร หากไส้กรองอากาศแอร์ตัน จะทำให้ลมเย็นไม่สามารถไหลเวียนเข้าสู่ห้องโดยสารได้อย่างสะดวก ส่งผลให้ลมที่ออกมาจากช่องแอร์เบาและไม่เย็นเท่าที่ควร การแก้ไขปัญหานี้ทำได้ง่ายๆ โดยการเปลี่ยนไส้กรองอากาศแอร์ใหม่ตามระยะทางหรือระยะเวลาที่กำหนด ซึ่งโดยทั่วไปควรเปลี่ยนทุกๆ 10,000 - 20,000 กิโลเมตร หรืออย่างน้อยปีละครั้ง
ทางที่ดีหากพบว่าระบบปรับอากาศมีปัญหา ควรนำรถเข้ารับการตรวจเช็กจากอู่ที่ไว้ใจได้ พร้อมทั้งสอบถามรายละเอียดและค่าซ่อมอย่างรอบคอบ จะได้ไม่เสียค่าใช้จ่ายบานปลายครับ