การขับรถตกหลุมบ่อยๆ ส่งผลเสียต่อรถคันโปรดของคุณได้มากกว่าที่คิด เพราะนอกจากช่วงล่างจะพังไวกว่าปกติแล้ว ยังมีชิ้นส่วนอื่นๆ ที่ได้รับความเสียหายอีก จะมีอะไรบ้าง Sanook Auto จะพาไปดูกัน
1. ช่วงล่างเสียหาย - ความเสียหายของช่วงล่างที่เกิดจากการตกหลุมบ่อย เช่น ปีกนกคด, บูชแตกหรือขาด จะทำให้เกิดแรงสะเทือนจากช่วงล่างมายังพวงมาลัยมากขึ้น เกิดเสียงดังขณะขับขี่ รวมถึงโช้กอัปอาจรั่วไวกว่าปกติ ส่งผลให้การทรงตัวของรถไม่ดี
2. ล้อและยางเสียหาย - การกระแทกจากหลุมบ่ออาจทำให้ล้อแม็กเกิดรอยบุบ รอยแตก หรือขอบล้อเสียรูปได้ นอกจากนี้ ยางรถยนต์ยังอาจเกิดรอยปริ หรือแตกได้ ซึ่งส่งผลต่อการยึดเกาะถนนและความปลอดภัยในการขับขี่
3. ระบบพวงมาลัยเสียหาย - การกระแทกอย่างแรงอาจทำให้ปลายเพลาคดงอ หรือเสียหายได้ ส่งผลให้พวงมาลัยสั่น หรือมีเสียงดังขณะขับขี่ นอกจากนี้ ยังอาจทำให้การควบคุมรถทำได้ยากขึ้น
4. ตัวถังรถเสียหาย - ในกรณีที่ตกหลุมขนาดใหญ่และแรงกระแทกแรงมาก อาจทำให้โครงรถเสียรูปได้ นอกจากนี้ ชิ้นส่วนตัวถังต่างๆ เช่น กันชน ประตู อาจหลวม หรือเกิดเสียงดังได้ ซึ่งส่งผลต่อความสวยงามและความแข็งแรงของรถยนต์
5. ค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมสูง - การซ่อมแซมส่วนประกอบต่างๆ ที่เสียหายจากการตกหลุมบ่อมีค่าใช้จ่ายสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเสียหายหลายส่วน ซึ่งล้วนแต่เป็นค่าใช้จ่ายที่สามารถหลีกเลี่ยงได้หากเพิ่มความระมัดระวังในการขับรถ
หากมีความจำเป็นต้องขับผ่านถนนที่มีหลุมบ่อ ควรใช้ความเร็วที่เหมาะสม ไม่เร็วจนเกินไป รวมถึงตรวจสอบสภาพยางและช่วงล่างเป็นประจำ และนำรถเข้ารับการซ่อมแซมหากพบว่าช่วงล่างมีอาการผิดปกติ เพราะหากฝืนใช้ต่อจะทำให้ปัญหาลุกลามไปยังชิ้นส่วนอื่นๆ ได้
การขับรถตกหลุมบ่อยๆ อาจส่งผลเสียต่อรถยนต์ของคุณในหลายด้าน การดูแลรักษารถยนต์ให้ดี และขับขี่ด้วยความระมัดระวัง จะช่วยยืดอายุการใช้งานของรถยนต์ และลดค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมได้ในระยะยาว ดังนั้น ควรหมั่นตรวจสอบสภาพรถยนต์ของคุณเป็นประจำด้วยนะครับ
อ่านเพิ่มเติม