All-new Subaru CROSSTREK 2023 ใหม่ ถูกเปิดตัวอย่างเป็นทางการครั้งแรกในโลกที่ประเทศญี่ปุ่น พร้อมขุมพลัง e-Boxer ขนาด 2.0 ลิตร เสริมด้วยระบบช่วยเหลือการขับขี่ Subaru EyeSight เวอร์ชันล่าสุด
Subaru CROSSTREK เป็นชื่อใหม่ของ Subaru XV ที่จะถูกนำไปใช้ทั่วโลก จากเดิมที่ใช้เรียกเฉพาะตลาดอเมริกาเหนือเท่านั้น โดยยังคงพัฒนาขึ้นบนแพล็ตฟอร์ม Subaru Global Platform ที่มีการปรับปรุงเพิ่มความแข็งแรงของโครงสร้างตัวถัง ซึ่งซูบารุระบุว่าจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการขับขี่ และยังช่วยเพิ่มความปลอดภัยของผู้โดยสารเมื่อเกิดการชนอีกด้วย
ภายนอกของ Subaru CROSSTREK 2023 ที่เผยโฉมในญี่ปุ่นดังกล่าวมีการออกแบบขึ้นใหม่ทั้งหมด มาพร้อมไฟหน้า LED ดีไซน์โฉบเฉี่ยวรับกับกระจังหน้าดีไซน์ใหม่ ฝากระโปรงหน้าถูกออกแบบให้มีความนูนมากขึ้นเพื่อเพิ่มความบึกบึน ขณะที่ตัวถังด้านข้างถูกตกแต่งด้วยแผงสีดำขนาดใหญ่กว่ารุ่นเดิมเพื่อเพิ่มความรู้สึกสมบุกสมบัน มาพร้อมไฟท้ายดีไซน์ใหม่ที่ออกแบบเป็นรูปทรงตัว C โดยรุ่นบนจะได้ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว มีตัวถังให้เลือกทั้งหมด 9 สี พร้อม 2 สีใหม่ ได้แก่ Offshore Blue Metallic และ Oasis Blue
ภายในห้องโดยสารถูกติดตั้งหน้าจออินโฟเทนเมนท์แนวตั้งขนาด 11.6 นิ้ว แบบเดียวกับที่พบใน Levorg และ WRX S4 ซึ่งซูบารุระบุว่าให้ความรู้สึกในการใช้งานแบบเดียวกับสมาร์ทโฟน ขณะที่แผงคอนโซลถูกตกแต่งด้วยวัสดุที่หลากหลายและมีคุณภาพมากขึ้นกว่ารุ่นปัจจุบัน ทั้งยังมีการเพิ่มวัสดุซับเสียงและลดแรงสั่นสะเทือนภายในห้องโดยสาร รวมถึงการพัฒนาโครงสร้างยึดเบาะนั่งแบบใหม่เพื่อลดแรงสะเทือนที่จะถูกส่งผ่านไปยังร่างกาย
ด้านระบบความปลอดภัยมีการเพิ่มเติมกล้องมุมกว้าง (Wide-angle Mono Camera) เป็นส่วนหนึ่งของระบบ EyeSight เจเนอเรชันใหม่ เพื่อใช้ในการตรวจจับมอเตอร์ไซค์และคนเดินถนนได้อย่างครอบคลุมมากขึ้น พร้อมด้วยกล้องคู่ (Stereo Camera Unit) ที่สามารถตรวจจับวัตถุทั้งใกล้และไกลได้อย่างมีประสิทธิภาพ เสริมด้วยไฟหน้าแบบ Full-LED ที่มีระบบส่องสว่างขณะเลี้ยว LED Cornering Lights เป็นครั้งแรกในซูบารุ
All-new Subaru CROSSTREK 2023 ใหม่ ติดตั้งเครื่องยนต์เบนซิน e-BOXER ทำงานร่วมกันระหว่างเครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร Direct-injection และมอเตอร์ไฟฟ้า ซึ่งซูบารุยังไม่เปิดเผยรายละเอียดสมรรถนะออกมาในขณะนี้ แต่ยังคงใช้ระบบเกียร์อัตโนมัติ Lineartronic CVT และระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ Symmetrical AWD อันเลื่องชื่อของซูบารุเช่นเดิม
ส่วนการวางจำหน่ายในประเทศญี่ปุ่นจะมีขึ้นในปี 2566 ที่จะถึงนี้ ก่อนจะทยอยเปิดตัวในประเทศอื่นๆ ต่อไป